แผนแม่บทวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2558 – 2562
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและก้าวหน้าสู่ความเป็นสากล การวิจัยที่มีคุณภาพจะทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่หรือแนวทางใหม่ซึ่งจะทำให้ประเทศสามารถพัฒนาไปได้โดยไม่ติดขัด การสร้างระบบการวิจัยที่เข้มแข็งมีความจำเป็นในทุกระดับเพราะจะทำให้เกิดงานวิจัยที่มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ในปัจจุบันเราพบว่าการวิจัยในประเทศประสบปัญหาที่หลากหลาย ดังเช่นในเรื่องงบประมาณวิจัยที่ค่อนข้างต่ำเทียบกับงบประมาณของประเทศที่พัฒนาแล้ว การวิจัยที่เน้นความต้องการของผู้วิจัยมากกว่าประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารจัดการงานวิจัย และปัญหาเกี่ยวกับการบูรณาการงานวิจัยข้ามสาขาวิชาที่ยังมีอยู่น้อยเกินไป
การกำหนดแผนแม่บทการดำเนินการวิจัยผ่านการกำหนดกรอบและทิศทางการวิจัยที่ชัดเจนและมีความสอดคล้องต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศชาติเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประเทศพัฒนาไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแท้จริง
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกำหนดแผนการดำเนินการวิจัยที่มีการวางกรอบและทิศทางการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับพันธกิจการวิจัยของชาติและของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดการสร้างงานวิจัยและองค์ความรู้ใหม่อย่างมีทิศทาง ป้องกันการซ้ำซ้อน ประสานประโยชน์ร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆในมหาวิทยาลัย และเพื่อประหยัดงบประมาณเงินรายได้ที่มีอยู่จำกัดของส่วนงาน
กรอบของการกำหนดนโยบายทางการวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ ถูกจัดทำขึ้นให้มีทิศทางที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยคำนึงถึงวิสัยทัศน์การวิจัยของชาติ (พ.ศ.2555-2559) คือ “ประเทศไทยมีและใช้งานวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน” ซึ่งได้มีการกำหนดพันธกิจการวิจัยของชาติ (พ.ศ. 2555-2559) ไว้คือ “พัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการวิจัยของประเทศให้สูงขึ้น และสร้างฐานความรู้ที่มีคุณค่า สามารถประยุกต์และพัฒนาวิทยาการที่เหมาะสมและแพร่หลาย รวมทั้งให้เกิดการเรียนรู้และต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์และสาธารณะ ตลอดจนเกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยใช้ทรัพยากรและเครือข่ายวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม” ซึ่งจากวิสัยทัศน์และพันธกิจการวิจัยของชาติดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่า การวิจัยเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญอย่างมากในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประเทศนั้นจะถือได้ว่าเป็นการวิจัยที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน
ฝ่ายวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ จึงจัดการประชุมเสวนากรอบและทิศทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้น เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2557 เพื่อสร้างแผนแม่บทการวิจัยของคณะผ่านการกำหนดกรอบและทิศทางการวิจัยที่ครอบคลุมและมุ่งเป้าในศาสตร์และสาขาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นความต้องการในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ และเพื่อให้หน่วยงานได้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานวิจัย โดยมีอายุเวลานาน 5 ปี ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับช่วงเวลาของแผนยุทธศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์ฉบับปี พ.ศ. 2558-2562 ซึ่งในการนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความรู้และข้อคิดเห็นในการวางแผนการดำเนินงานวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ผ่านการสร้างและพัฒนากรอบและทิศทางการวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ โดยมีรายนามผู้ทรงคุณวุฒิที่มาร่วมเสวนาและให้ข้อคิดเห็นดังนี้
1. รองศาสตราจารย์ ดร. คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ (ประธานกรรมการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.))
2. ศาสตราจารย์ ดร.ไพศาล สิทธิกรกุล
3. ศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ ปั้นนิ่ม
4. รองศาสตราจารย์ ดร.ปรินทร์ ชัยวิสุทธางกูร (คณบดีคณะวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ)
5. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมทัศน์ จิระเดชะ (ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์ทางปัญญาและวิจัย)
จากการประชุมดังกล่าวฝ่ายวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ได้รวบรวมข้อคิดเห็นที่มีค่าจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เข้าร่วมประชุมมาใช้กำหนดแนวทางในวางกรอบและทิศทางการวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการบริหารงานวิจัยคระวิทยาศาสตร์ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 และที่ประชุมคณะกรรมการประจำคณะครั้งที่ 18/2557 เมื่อวันที่26 พฤศจิกายน 2557 โดยมีมติอนุมัติให้บรรจุเป็นแผนการดำเนินงานวิจัยและเป็นกรอบทิศทางการวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ กำหนดใช้ในปี งบประมาณ 2558 เป็นต้นไป โดยกรอบทิศทางการวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มีทั้งสิ้น 9 กรอบทิศทางดังนี้
กรอบและทิศทางการวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2558 – 2562
ทิศทางที่ 1 : ด้านการเพิ่มมูลค่า เพิ่มผลผลิต และ ลดต้นทุนการผลิต ของพืชเศรษฐกิจและพืชสวน
• กรอบวิจัย ข้าวเพื่อการเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่า
• กรอบวิจัย การเพิ่มมูลค่าอ้อยและน้ำตาล
• กรอบวิจัย มันสำปะหลังเพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่า
• กรอบวิจัย ยางพาราเพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่า
• กรอบวิจัย ปาล์มน้ำมันเพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าและลดต้นทุนการผลิต
• กรอบวิจัย พืชสวน (ไม้ผล พืชผัก และไม้ดอกไม้ประดับ) ผลผลิตและเพิ่มมูลค่าและลดต้นทุนการผลิต
ทิศทางที่ 2 : ด้านสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และ การท่องเที่ยว
• กรอบวิจัย สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ
• กรอบวิจัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
• กรอบวิจัย การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
• กรอบวิจัย พลาสติกชีวภาพในประเทศไทย
• กรอบวิจัย ผลกระทบการใช้แร่ใยหินและศึกษาวัสดุทดแทน
• กรอบวิจัย การบริหารจัดการการท่องเที่ยว
ทิศทางที่ 3 : ด้านอาหาร ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และ ยา
• กรอบวิจัย สมุนไพรไทย อาหารเสริม ยา และสปา
• กรอบวิจัย อาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าและความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและการค้า
ทิศทางที่ 4 : ด้านการคมนาคม และ โลจิสติกส์
• กรอบวิจัย โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน
• กรอบวิจัย การคมนาคมขนส่งระบบราง
ทิศทางที่ 5 : ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและสัตว์เศรษฐกิจ
• กรอบวิจัย การอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
• กรอบวิจัย ความหลากหลายทางชีวภาพ
• กรอบวิจัย การวิจัยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้านสัตว์เศรษฐกิจ
ทิศทางที่ 6 : ด้านการแพทย์ สาธารณสุข และพฤติกรรมศาสตร์
• กรอบวิจัย วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์ เพื่อทดแทนการนำเข้าหรือลดภาระรายจ่ายของประเทศ
• กรอบวิจัย การแพทย์ โภชนาการ และสาธารณสุข
• กรอบวิจัย ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และบุคคลพิการเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต
• กรอบวิจัย ด้านการวิจัยและพัฒนาจิตพฤติกรรมเยาวชนและสังคมไทย
ทิศทางที่ 7 : ด้านวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และวิทยาศาสตร์ศึกษา
• กรอบวิจัย การศึกษาและสร้างสรรค์การเรียนรู้
• กรอบวิจัย คณิตศาสตร์ สถิติ
• กรอบวิจัย การวิจัยในชั้นเรียน
• กรอบวิจัย วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ และดาราศาสตร์
ทิศทางที่ 8 : ด้าน ICT วิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
• กรอบวิจัย วัสดุศาสตร์ และนาโนเทคโนโลยี
• กรอบวิจัย อัญมณีและเครื่องประดับ
• กรอบวิจัย พลังงานทดแทน
• กรอบวิจัย เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT)
ทิศทางที่ 9 : ด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
|
ซึ่งกรอบและทิศทางการวิจัยที่ได้นี้จะถูกใช้เป็นตัวกำหนดข้อเสนอโครงการวิจัยแบบมุ่งเป้าของคณะวิทยาศาสตร์ โดยผู้ขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยจากเงินรายได้คณะวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องระบุความสอดคล้องของเนื้อหาของงานวิจัยที่กับกรอบทิศทางการวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์โดยฝ่ายวิจัยคณะวิทยาศาสตร์จะทำการสรุปสถิติการดำเนินงานวิจัยของบุคคลากรตามทิศทางทั้ง 9 ทิศทาง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้กำหนดแผนแม่บทการวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ ในปี 2563-2567 ต่อไป